พระบรมราโชวาท 21 ธันวาคม 2550

เมื่อเวลา 16.19 น. วันที่ 21 ธ.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้นายทหารชั้นนายพล และนายตำรวจชั้นนายพล ที่ได้รับพระราชทานยศสูงขึ้น ประจำปี 2549-2550 เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณ โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระบรมราโชวาท ทรงย้ำในเรื่องการทำความดี และความซื่อสัตย์สุจริต ความว่า

ขอแสดงความยินดีกับท่านที่ได้รับยศสูงขึ้นและองค์กรสนับสนุน และทุ่มเทเปล่งวาจาที่เป็นคำสัตย์ปฏิญาณ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อความเจริญของประเทศ ซึ่งหน้าที่ของท่านนั้น เป็นหน้าที่สำคัญมาก และอย่างที่ได้ปฏิญาณ ถ้าไม่ได้ทำตามก็จะมีอันเป็นไป แม้ไม่ได้พูดก็จะมี แต่ว่าทำดีตามที่ได้ปฏิญาณ ก็เชื่อว่าท่านจะประสบ ความรุ่งเรือง ความเจริญ เพราะว่าคำที่พูดนี้ มีความศักดิ์สิทธิ์ เทวดาอารักษ์ก็ได้ฟังและได้ยิน ซึ่งถ้าเทวดาอารักษ์ได้ยินแล้ว ท่านก็จะต้องพูดกับท่าน ตราบใดที่ท่านทำดีตามคำปฏิญาณ เป็นของศักดิ์สิทธิ์ ช่วยให้ประเทศชาติอยู่อย่างเป็นสุขได้

ถ้าเป็นตามนั้น ไม่ได้หมายความว่า ท่านจะต้องประหัตประหารใช้ยุทโธปกรณ์ แต่ว่าท่านจะต้องทำตัวให้เข้มแข็ง ให้ศักดิ์สิทธิ์ แล้วถ้าท่านทั้งหมด มีความเข้มแข็ง ท่านก็จะปลอดภัย และทำให้บ้านเมืองปลอดภัย ทำให้บ้านเมืองมีความสุข มีความเรียบร้อย สำหรับนายทหารทุกเหล่า ตลอดจนตำรวจทุกหน่วย ซึ่งมีหน้าที่ ที่จะป้องกันด้วยหน้าที่ ที่จะทำให้บ้านเมืองมีความปลอดภัย ทั้งที่ทำดีก็หมายความว่าทุกท่านได้รับความปลอดภัยไปด้วย ท่านที่มีความปลอดภัย กับประชาชนทุกเหล่าทุกพวก ท่านก็จะได้รับความปลอดภัยในโอกาสเดียวกัน ไม่ได้หมายความว่า ทั้งหมดจะมีความปลอดภัยกับประชาชน ถ้าเรากระทำความปลอดภัย กับท่านเองท่านก็เป็นประชาชน ถ้าผู้ใดทำดีก็หมายความว่าปลอดภัย ทุกคนทุกคณะ จะได้รับผลของคำปฏิญาณนี้

ดีใจมาก ที่ได้เห็นท่านเปล่งวาจา ที่เข้มแข็งหนักแน่น ก็ขอให้การกล่าววาจาที่หนักแน่นนี้ เป็นผลดีแก่ท่าน จนกระทั่งประชาชนทุกคนในประเทศ เป็นการทำให้ประเทศ ชาติอยู่เย็นได้ ซึ่งที่ทำ มีการไม่ค่อยปรองดองกัน แต่ว่า ทำให้ทุกคนไม่ใช่เฉพาะนายพล ทุกคนทุกฝ่าย ทั้งทหาร พลเรือน มีความเข้มแข็ง และถ้าทุกคนในประเทศ มีความเข้มแข็งและซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีปัญหา ประเทศชาติจะยืนยาวเป็นสุข อยู่ได้ ไม่อับจน บ้านเมือง ในระยะนี้ ดูท่าทางไม่ค่อยเรียบร้อยนัก แต่ว่าท่านจะสามารถทำให้ บ้านเมืองเรียบร้อย มีความเข้มแข็งเหมือนเดิม

ขอให้ท่านประสบความสำเร็จในงานการของท่าน ทำให้บ้านเมืองมีความสุข ทั้งประชาชนทุกเหล่าทุกพวก ทุกๆ คน และท่าน แต่ผู้ที่ไม่ได้ปฏิญาณ ทำให้บ้านเมืองมีความเรียบร้อยมีความสุข มีความสงบ ท่านก็จะมีความสุข ความสงบในใจและท่านก็จะมีความเจริญด้วยเหมือนกัน ฉะนั้น ก็ขอให้ท่านทั้งหลาย ทั้งทหารทุกเหล่า ทั้งพลเรือน ทุกหมู่ ได้มีความสำเร็จในงานการ มีความสุขในงานในหน้าที่ ความสำเร็จในหน้าที่ ขอให้ทุกคนได้ ประสบความสำเร็จทุกอย่าง ประเทศชาติมีความสำเร็จด้วยเหมือนกัน ประเทศชาติก็จะเจริญ ท่านก็จะเจริญทุกคน ทุกเหล่าทุกหมู่ มีความเจริญ ข้าพเจ้าก็ดีใจ ที่ได้เห็นท่านทั้งหลายมีความเข้มแข็ง ก็ขอรักษาความเข้มแข็งนี้ ให้ประเทศชาติอยู่เย็นเป็นสุข ให้บ้านเมือง ไม่มีอะไรที่เกิดเสียหายกับบ้านเมือง ก็ขอให้ทุกท่านมีสุข ความเจริญรุ่งเรืองทุกฝ่าย ทุกพวก ทุกคน

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

พระบรมราโชวาท 2 ธ.ค. 50

2 ธ.ค.50 เวลา 17.07 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ไปในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ ประจำปี 2550 เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2550 ณ พระลานพระราชวังดุสิต

โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท แก่เหล่าทหารรักษาพระองค์ความว่า

“ข้าพเจ้าและพระราชินี มีความยินดียิ่งนักที่ได้มาอยู่ในท่ามกลางทหารรักษาพระองค์ ในพิธีรวมพลสวนสนามในวันนี้ ขอขอบใจในไมตรีจิตของทุกคน และขอสนองพรกับทั้งไมตรีนั้นด้วยใจจริงเช่นกัน ไทยเรารักษาเอกราชและผืนแผ่นดินให้มั่นคงเป็นปึกแผ่นมาได้ก็เพราะเราทุกคนมีความสำนึก ตระหนักในความเป็นไทย และหน้าที่ที่จะธำรงรักษาชาติ ประเทศไว้ให้เป็นอิสระ มั่นคง ตามประวัติกาลที่ปรากฏมา คนไทยจึงมีจิตใจผูกพันปรองดองอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่แยกพวก แยกเหล่า มีปกติสามัคคีพร้อมเพรียงกันเสมอ”

“และสถานการณ์บ้านเมืองเราในทุกวันนี้ เป็นที่ทราบแก่ใจเราทุกคนอยู่สืบแล้วว่าไม่น่าไว้วางใจ พูดได้ว่าหากคนไทยขาดความสำนึกในชาติ ขาดความสามัคคีก็อาจประสบเคราะห์กรรมกันทั้งชาติ จึงขอให้ทหารทุกคน และชาวไทยทุกคนทุกหมู่ทุกเหล่าได้พิจารณาตัดสินใจว่าประเทศชาติของเรานั้น สำคัญที่เราควรจะรักษาไว้ให้ยั่งยืนต่อไปหรือไม่ ถ้าเห็นว่าสำคัญ มั่นใจ ก็ขอให้สังวร ระวังกาย ใจ ให้ตั้งมั่นอยู่ในความสัตย์สุจริต พยายามลดอคติ และสร้างเสริมความเมตตาสามัคคีในกันและกัน ไม่ว่าจะทำการสิ่งใดให้ยึดเอาความมั่นคงปลอดภัยของชาติเป็นที่หมายสูงสุด ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์กับทั้งอำนาจแห่งความภักดีโดยบริสุทธิ์ใจในชาติบ้านเมือง จงดลบันดาลให้ทุก ๆ ท่านประสบแต่ความสุข สวัสดี และความสำเร็จสมประสงค์จงทั่วกัน”

คัดมาจาก “ผู้จัดการออนไลน์”